วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565

[งานแปล แก้ฟุ้งซ่าน] เรื่องสั้นแนวลึกลับจาก the-mystery.org Part 8

ต้นฉบับของงานแปลนี้นำมาจาก https://the-mystery.org 

ถ้าจะนำไปลงที่อื่น กรุณาบอกกันซักคำและให้เครดิตเว็บไซต์ต้นทางด้วย

งานนี้เป็นเรื่องสั้นหลายๆ เรื่องที่เราแปลสะสมไว้แล้วเอามาลงทีเดียว

เซ็ตต่อไปยังไม่มีกำหนดลง เพราะยังไม่ได้ทำต่อ

Part 8 มีเรื่องเดียว เป็นเรื่องยาวหน่อยนะ

✱✱✱✱✱✱✱

ประสบการณ์ระทึกจากไลฟ์แชท

(ที่มา : https://the-mystery.org/scary_story/live_chat_no_kyouhu_taiken/)


เมื่อหลายปีก่อน ฉันออกจากบ้านนอกไปอยู่อพาร์ทเมนท์คนเดียวที่เมืองฮะชิโอจิ


ฉันเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสตรี พร้อมกับทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารครอบครัวใกล้ๆ ที่พักไปด้วยโดยไม่ได้เข้าชมรมใดอะไรที่มหาลัย

ร้านอาหารให้ค่าจ้างงานพาร์ทไทม์ชั่วโมงละ 900 เยน พ่อแม่ส่งเงินให้เป็นค่าที่พักเดือนละ 5 หมื่นเยน ค่ากินค่าอยู่อีก 2 หมื่นเยน แปลว่าพ่อแม่ต้องส่งเงินให้ฉันเดือนละตั้ง 7 หมื่นเยน

ดังนั้น ถ้าอยากมีเงินไปเที่ยวเล่นฉันจึงต้องทำงานหาเอาเอง


เงินที่ได้จากงานพาร์ทไทม์ร้านอาหารหลังเลิกเรียนก็ไม่ได้มากมายนัก แค่พอซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าได้บ้าง หรือไปจ่ายค่าดื่มสังสรรค์กับเพื่อนนิดๆ หน่อยๆ ก็หมดแล้ว

ตอนที่ฉันคิดอยู่ว่าถ้ามีงานพาร์ทไทม์ที่ไม่ใช้เวลานานแต่ได้เงินเยอะๆ ก็ดีสิอยู่นั้น ฉันก็ได้ใบปลิวรับสมัครคนทำงานร้านนั่งดื่มจากพี่ผู้ชายที่ยืนแจกทิชชู่อยู่หน้าสถานีฮะจิโอชิ

ฉันไม่ใช่คนสวยสะดุดตา แถมยังคุยกับคนอื่นไม่เก่ง คงไม่เหมาะกับร้านนั่งดื่ม จริงๆพวกงานในสถานที่อโคจรเนี่ย ฉันไม่อยากทำหรอก ต่อให้เป็นแค่งานพาร์ทไทม์ก็ตาม

แต่ด้านล่างของใบปลิวรับสมัครงานร้านนั่งดื่มมีอีกข้อความเขียนไว้ว่า

"งานนี้คนพูดไม่เก่งก็ทำได้☆"

แล้วก็มีคิวอาร์โค้ดกับลิงค์แปะไว้ข้างๆ


พอกลับถึงบ้านฉันก็เปิดคอมเข้าเว็บนั้นดู มันเป็นเว็บรับสมัครคนทำไลฟ์แชท

ไลฟ์แชท (Live Chat) ในที่นี้คือการให้ผู้หญิงเปิดไลฟ์สดให้สมาชิกของเว็บดู

ในไลฟ์แชทมีทั้งคนที่โชว์หน้าจริงและคนที่ปกปิดหน้าตัวเอง คนที่แต่งตัววาบหวิวก็มี คนที่แต่งตัวธรรมดาก็มี คนที่คุยเรื่อง 18+ หรือยอมถอดเสื้อผ้าก็มี แต่คนที่ไม่ทำแบบนั้นก็มี

การสมัครเป็นสมาชิกเว็บต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป กฎในการไลฟ์จึงบอกว่าจะถอดจะใส่เสื้อผ้ายังไงก็ได้ แต่ห้ามให้เห็นของสงวน

สมาชิกเว็บเกือบทั้งหมดเป็นผู้ชาย ระบบของเว็บคือสมาชิกต้องใช้เงินจริงซื้อพอยน์ และจะดูไลฟ์ได้ตามจำนวนพอยน์ที่มี  เงินที่สมาชิกจ่ายซื้อพอยน์จะถูกแบ่งเปอร์เซ็นต์มาให้ผู้หญิงที่ทำไลฟ์แชท


ฉันสมัครทำไลฟ์แชททันที คอมฉันมีกล้องอยู่แล้ว จึงเริ่มทำได้เลย

ตอนนั้นฉันคิดว่าคงไม่มีใครรู้ตัวจริงของฉันหรอก แต่เพื่อความชัวร์ ฉันจึงใส่วิกผมด้วยระหว่างไลฟ์


พอเริ่มไลฟ์ก็มีคนเข้ามาดูทันที

มีคนรีเควสต์ว่า "ช่วยตัวเองให้ดูหน่อย" "ถอดเลยๆ" แต่ฉันไม่สนแล้วก็คุยต่อไปเรื่อยๆ

พวกหื่นๆ จึงเข้ามาแล้วก็ออกไปทันที แต่คนที่แค่อยากคุยจริงๆ ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ การคุยกับคนแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ

น่าแปลกเหมือนกันที่พอคุยผ่านกล้องฉันกลับพูดได้อย่างลื่นไหล ฉันไลฟ์แบบปกปิดตัวจริงของตัวเองพร้อมกับสะสมเงินจากพอยน์ได้ทีละเล็กละน้อย


ผ่านไป 1 เดือนฉันได้เงินจากงานนี้กว่า 5 หมื่นเยน

เลิกเรียนก็ไปทำงานที่ร้านอาหาร เลิกงานกลับบ้านก็มาทำไลฟ์แชทต่อ

แค่คุยกับคนอื่นทางไลฟ์แชท สถานที่คือห้องตัวเอง ทำซักอาทิตย์ละ 3 วัน ครั้งละไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ตั้งเดือนละ 5 หมื่นเยน จริงๆก็เป็นงานที่สบายดีเหมือนกัน


แล้วฉันก็เริ่มมีคนดูขาประจำของตัวเอง

พอฉันล็อกอินเข้าไปก็จะมีขาประจำที่เข้ามาดูทุกครั้งประมาณ 4 คน

พวกเขาเป็นพวกอยากหาเพื่อนคุยเพลินๆ มากกว่าคุยหื่นๆ ประมาณว่า "คุยกันไป สบายๆ"

ด้วยความที่ฉันเป็นคนบ้านนอก จึงเผลอหลุดภาษาแถวบ้านอยู่เรื่อย แต่เหมือนพวกขาประจำเขาจะชอบกันนะ

คนดูขาประจำฉันน่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะเขาพร้อมจ่ายเงินหลายพันเยนซื้อพอยน์เพื่อเข้ามาคุยกับผู้หญิงแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง

การไลฟ์แชท มีทั้งแบบส่งข้อความและไลฟ์คุยกัน คนที่ฉันแชทด้วยก็มีทั้งแบบโอเพ่นแชท (คนอื่นเข้ามาคุยด้วยได้) และไพรเวทแชท (คุยแบบสองต่อสอง)


ผ่านไป 2 เดือน ฉันก็เปิดใจให้คุณขาประจำมากขึ้น

ตอนแรกๆ ฉันพยายามไม่เปิดเผยตัวจริง แต่พอเวลาผ่านไป เวลาโดนถามข้อมูลส่วนตัว ฉันก็เริ่มตอบให้บ้าง

อย่างเช่น "อยู่มหาลัยสตรี อายุ OO" "ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารครอบครัว" "อยู่ทางตะวันตกของโตเกียว"


หลังจากเริ่มทำไลฟ์แชทได้ประมาณครึ่งปี ฉันก็มีแฟนคนแรก

ฉันรู้จักเขาผ่านทางเพื่อนของฉัน เราเคยไปเที่ยวเล่นด้วยกัน 2-3 ครั้ง หลังจากรู้จักกันได้ 1 เดือน เขาก็สารภาพรักกับฉัน

เมื่อฉันมีแฟน จึงตั้งใจว่าจะเลิกทำไลฟ์แชท ฉันเข้าไปอัพเดทโปรไฟล์ตัวเองว่า "สิ้นเดือนนี้จะเลิกไลฟ์แล้ว"

ขาประจำของฉัน พอรู้ข่าวก็ต่างเข้ามาบอกลา

"ที่ผ่านมาสนุกมาเลย" "จะไม่ได้คุยด้วยแล้ว เหงาจัง" บอกตามตรง ฉันดีใจนะ

หลังจบไลฟ์ก็ยังมีแมสเสจมาให้กำลังใจว่า "โชคดีนะ! เรื่องเรียนก็สู้ๆล่ะ!" 

ถึงจะเป็นแค่รู้จักกันในไลฟ์แชท แต่ฉันก็ใจหายอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน


วันต่อมาฉันก็ล็อกอินเข้าไปอีก

พอเข้าไปปุ๊บก็มีคนขอคุยไพรเวทแชทกับฉันทันที เขาคือคุณ S ที่เป็นคนดูขาประจำของฉัน

ที่ผ่านมาคุณ S จะคุยกับฉันทางไพรเวทแชทเท่านั้น ดูเหมือนเขาจะเน้นเรื่อง "ได้คุยกันสองต่อสอง" เป็นหลัก

ตอนนั้นฉันไม่ได้สะกิดใจอะไร แค่คิดว่า "พอเราล็อกอินก็เข้าห้องมาเลย หรือว่าจะรออยู่นะ"

พอฉันกดปุ่มเริ่มคุย คุณ S ก็โพล่งขึ้นมาทันทีว่า "Oจัง จะเลิกไลฟ์แล้วเหรอ"

"อื้ม คือมันมีอะไรหลายๆอย่างน่ะ แหะๆ"

พอฉันตอบกำกวมไปแบบนั้น เขาก็เริ่มคาดคั้นว่า "อะไรหลายๆ นี่คืออะไร?"

"ก็เรื่องเรื่องเรียนด้วย งานพาร์ทไทม์ด้วย หลายๆอย่างเลยอ่า"

"ตอบให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยสิ"

"เข้ากะเยอะขึ้น เรียนหนักขึ้นด้วย"

"ไลฟ์แค่ตอนกลางคืนก็ได้นี่?"

"ตอนกลางคืนต้องอ่านหนังสือ... ขอโทษน้า"

"ต้องอ่านขนาดนั้นทุกวันเลยเหรอ? อ่านจนหาเวลาไลฟ์ไม่ได้เลยเหรอ?"

"อือ... จะสอบเอาวุฒิด้วยอ่า..."

"เสาร์อาทิตย์ล่ะ? ตอนกลางวันก็น่าจะได้นี่?"

"วันหยุดเราว่าจะไปเรียนขับรถ..."


คุณ S ตื้อกว่าที่คิด

ฉันโกหกตอบเขาไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดว่า "ตื้ออยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด"

ปกติคุณ S จะสุภาพกว่านี้ ฉันเลยแอบห่วงว่า "หรือเขามีเรื่องอะไรอยู่นะ"

"เรียนขับรถ? ที่ไหน? ฮาชิโอจิใช่มั้ย? โรงเรียนOOรึเปล่า?"

"งืมๆ จะใช่มั้ยน้า"

"หาเงินจากที่นี่ไปสอบเอาใบขับขี่รึไง"

"ไม่ใช่ซะหน่อย"

"ใช่มั้ยล่ะ!!!"

จู่ๆเขาก็ตะคอกฉัน ฉันตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น

"จะเอาเงินที่สูบจากกูไปขอใบชับขี่เหรอ!"

"เอ๊ะ!? เอ๊ะ!?"

"มึงคิดว่ากูจ่างเงินไปเท่าไหร่แล้ว!! หา!! มึงน่ะ..."

ตึ้ง!

เสียงถูกตัดไป ไม่หรอก ฉันนี่แหละตัดเองด้วยการเตะเขาออกจากห้องแชท

หลังจากที่เขาไปแล้ว ใจฉันยังเต้นโครมครามไปอีกพักใหญ่


ผ่านไปอีกประมาณ 5 นาที คุณ S ส่งข้อความมาหาฉันว่า

"ขอโทษที่เมื่อกี้ตะคอกใส่ อารมณ์ขึ้นไปหน่อย พอรู้ว่า Oจังที่ผมชอบที่สุดจะไม่อยู่แล้ว ใจมันก็หวั่นๆน่ะ

อย่าเกลียดผมเลยนะ ขอโทษที่พูดไม่ดีกับเธอ ขอโทษนะ ไว้มาคุยกันอีกนะ"

ฉันเลยตอบไปว่า

"เราก็ขอโทษด้วยที่ตกใจเลยเผลอเตะออกจากห้อง

วันนี้ขอออกก่อนนะ จนกว่าจะสิ้นเดือนเราจะเข้ามาบ้าง ถ้าเจอก็มาคุยกันนะ"

แล้ววันนั้นฉันก็ล็อกเอาท์ออกไป


วันต่อมาฉันไม่ได้เข้าแชท ผ่านไป 2 วัน หลังเลิกงานพาร์ทไทม์ ฉันถึงได้ล็อกอินเข้าไป

พอเข้าไปคุณ S ก็ขอแชทกับฉันทันที แน่นอนว่าเป็นไพรเวทแชท

"Oจัง เมื่อวันก่อนขอโทษนะ"

สิ่งแรกที่เขาทำคือขอโทษฉัน

"555+ ไม่เป็นไร ตอนนั้นเราก็พูดไม่ค่อยเคลียร์ด้วย"

ฉันตอบไปอย่างงั้นแหละ ใจจริงไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก

"แต่ว่า Oจัง จะเลิกจริงๆสินะ"

"อื้ม ไม่เปลี่ยนใจแล้วล่ะ"

"เรียนขับรถก็สู้ๆนะ"

"ขอบคุณน้า"

"อยู่ฮะจิโอชิ งั้นก็เรียนที่ OOO Driving School?"

"งืม~ แง่มๆ"

"โรงเรียนสอนขับรถOO? XX Driving college?"

"หุๆ จะใช่มั้ยน้า"

อีตานี่ไปสืบมาด้วยเหรอ... พอฉันเลี่ยงที่จะไม่ตอบ เขาก็

"ผมคุยกับ Oจังที่นี่มาครึ่งปี ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าได้เงินประมาณเดือนละ 5 หมื่นเยนใช่ป่ะ 5 หมื่น คูณ 6 เดือน ก็เป็น 3 แสนเยนเนอะ

Oจังเป็นผู้หญิง เพราะงั้นรถก็น่าจะเป็นพวกมอเตอร์ไซค์

โรงเรียนที่มีสอนขับมอเตอร์ไซค์ ค่าเรียนประมาณ 3 แสนเยน ก็ต้องเป็น OOO Driving School? ใช่มะ?"

ฉันไปต่อไม่ถูกเลย


จำได้ว่าก่อนหน้านี้นานแล้ว ฉันโดนถามว่าได้เงินจากไลฟ์แชทเดือนละเท่าไหร่ ฉันก็ตอบไป แต่ไม่คิดเลยว่าจะเอาไปสืบมาได้ขาดนี้

"ถามไปก็ไม่บอกหรอกจ้า~"

"อ่อ ผมทายถูกใช่มั้ย? แทงใจเลยล่ะสิ?"

"ก็ไม่รู้สิน้า~? โทษทีนะ วันนี้พอแค่นี้เนาะ"

"ผมทายถูกเลยจะหนีเหรอ? ใช่มั้ยล่ะ?"

คุณ S ยังพูดอยู่ แต่ฉันออกจากห้องแชททันที

คุณ S ที่เคยคุยด้วยดีๆมาตลอด กลายเป็นสโตกเกอร์ในสายตาฉันไปแล้ว

ตอนแรกที่ตั้งใจว่าสิ้นเดือนจะเลิก ขอเลื่อนให้เร็วขึ้นดีกว่า

ฉันเข้าไปเช็คกล่องข้อความก่อนจะล๊อกเอาท์ ปรากฏว่าคุณ S ส่งข้อความมา

"OOO Driving School ได้รีวิวดีอยู่นะ ^^ ผมก็ไปเรียนมั่งดีมั้ยน้า 55"


ฉันเคยโดนเขาถามว่า "เรียนอยู่แถวไหน" "บ้านเกิดอยู่ที่ไหน"

ด้วยความที่เป็นไพรเวทแชท รู้กันแค่สองคน แถมปกติเขาก็เป็นคนสุภาพ มีเรื่องชวนคุยมากมาย ฉันลดความระแวงลงและตอบไปว่า "เรียนที่ฮะจิโอชิ" "อยู่จังหวัดOO"

ถึงจะไม่ได้บอกชื่อมหาลัยหรือที่อยู่แบบชัดเจนไปก็เถอะ แต่ฉันก็เริ่มกังวลขึ้นมาว่าเขาอาจจะรู้ตัวจริงของฉันแล้ว แม้อีกใจจะแย้งว่าเป็นไปไม่ได้หรอกก็ตาม

ที่จริงฉันก็อยากปรึกษาแฟน แต่ก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันทำไลฟ์แชท

ตั้งแต่วันนั้นฉันจึงไม่เข้าไปในไลฟ์แชทอีก


เรื่องในคืนนั้นทำให้ฉันกลัวๆอยู่ แต่พอผ่านไปไม่กี่วันก็ลืมเพราะความดี๊ด๊าที่ได้ไปเดทกับแฟนเข้ามาแทนที่

มานึกได้อีกทีตอนไปอัพเดทสมุดบัญชีช่วงปลายเดือน มีเงินจากเว็บไลฟ์แชทโอนเข้ามา ฉันถึงนึกได้ว่าสิ้นเดือนนี้จะเลิกไลฟ์แล้ว

ฉันเลยกะจะล็อกอินเข้าไปเคลียร์ข้อมูลต่างๆก่อนยกเลิกแอคเคาท์ แล้วฉันก็ต้องอึ้ง

"ข้อความใหม่ 100 ข้อความ"

มีแจ้งเตือนขึ้นมาแบบนั้น

ระบบของไลฟ์แชทจำกัดจำนวนข้อความใน Inbox ไว้ที่ 100 ข้อความ

ปริมาณข้อความเกินกว่าที่ Inbox รองรับได้ทั้งหมดมาจากคุณ S

"Oจัง! เมื่อไหร่จะเข้ามา?"

"Oจัง จะสิ้นเดือนแล้วนะ ^^"

"Oจัง? วันนี้ก็ไม่มาเหรอ"

"Oจัง! หรือว่าวันนี้ไปเรียนขับรถ?"

"Oจัง~ มีแผนจะเข้ามาวันไหนก็บอกด้วยน้า"

"Oจัง ทำอะไรอยู่?"

"Oจัง เห็นข้อความรึเปล่า?"

"Oจัง หนีเหรอ?"

"หนีเหรอ?"

"จะเลิกตอนสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอ?"

"ไม่เข้ามาเหรอ?"

"หนีเหรอ?"

"อย่าหนีนะ"

"หนีเหรอ?"

"คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ"

"ไม่ให้หนีหรอก"

เป็นข้อความแบบนี้ทั้ง 100 ข้อความ

ฉันกลัวจึงไม่ได้อ่านทั้งหมด แล้วรีบไปเคลียร์ข้อมูลในแอคเคาท์แทน

คนคนนี้บ้าไปแล้ว

หนีคือหนีจากอะไร? แล้วไม่ให้หนีนี่หมายความว่าไง? ฉันทำอะไรลงไปเหรอ?

ฉันกังวลมาก ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตักๆชัดเจน 


จู่ๆ ฉันก็นึกถึงข่าวคดีสะกดรอยและฆาตกรรมหญิงสาวขึ้นมา

ผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวผู้หญิงตามสถานบริการ เกิดหลงรักหญิงสาวคนหนึ่งที่ให้บริการตนขึ้นมา

ขณะฝ่ายหญิงมองว่าทุกอย่างเป็นแค่งาน ไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสฝ่ายชายแต่อย่างใด

ด้วยความรู้สึกที่สวนทางกันจึงกลายเป็นคดีนองเลือดขึ้นมา

พอกลับมามองตัวเอง ก็จริงอยู่ว่าฉันได้เงินจากคุณ S แต่ฉันก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เคยพูดหรือทำอะไรที่ชวนให้เขาคิดว่าฉันมีใจให้อย่างแน่นอน

หรือฉันแค่มั่นใจไปเองอยู่ฝ่ายเดียว? หรือคุณ S หลงรักฉันซะแล้ว?

จิตใจปั่นป่วนจนคิดอะไรไม่ออก

ตั้งแต่วันนั้นฉันจึงปิดผ้าม่านมิดชิด คล้องโซ่ที่ประตู ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าทำไปก็เท่านั้นก็ตาม


แล้วฉันก็ผ่านช่วงสิ้นเดือนไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษ ฉันโล่งใจพลางคิดว่า "ก็แค่เป็นคนแปลกๆ สินะ"


แต่แล้ววันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น

ที่กระดานแจ้งข่าวของมหาลัย มีประกาศเตือนติดอยู่

"เตือนภัย เกิดเหตุนักศึกษาถูกบุคคลต้องสงสัยไล่ตาม

เมื่อวันที่ O เดือน O เวลาประมาณ O นาฬิกา มีนักศึกษาที่กลับจากเรียนขับรถถูกชายแปลกหน้า อายุประมาณ 40 -50 ปีเรียกและไล่ตาม

ขอให้นักศึกษาทุกคนระวังตัวและพกอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือติดตัวไว้เสมอ

หากเกิดเหตุฉุกเฉินให้ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้เคียงหรือใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณ"


มหาลัยเราเป็นมหาลัยสตรี จึงเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ

ตอนเข้าเรียนปีแรก นักศึกษาทุกคนจะได้รับแจกกอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ถ้ามีนักศึกษาโดนคนแปลกหน้าตาม ก็จะติดประกาศเตือนไว้ที่กระดานข่าว

ช่วงที่หนักๆก็จะมีแจ้งเตือนถึง 5 เรื่องในสัปดาห์เดียว

ปกติฉันก็ไม่ได้สนใจประกาศเตือนมากนัก แต่ครั้งนี้มีการระบุสถานที่ว่าเป็น "โรงเรียนสอนขับรถ"

ความน่ากลัวของเสียงตะคอกตอนไลฟ์แชทและข้อความใน Inbox ที่ทะลุ 100 ข้อความหวนกลับเข้ามาในสมองฉันอีกครั้ง


ฉันรีบไปที่ฝ่ายบริหารกิจการนักศึกษาเพื่อถามเกี่ยวกับแจ้งเตือนนั่น

ฉันขอทราบชื่อนักศึกษาที่ประสบเหตุจากเจ้าหน้าที่ ตอนแรกเขาไม่ยอมบอก แต่พอฉันบอกว่า "ฉันอาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับคนร้ายก็ได้" เขาจึงยอมติดต่อนักศึกษาคนนั้นให้

นักศึกษาคนนั้นมาหาฉันที่ฝ่ายบริหารกิจการนักศึกษาในช่วงที่มีคาบว่าง เธอเป็นนักศึกษาคนละคณะกับฉัน

เธอคนนั้นไว้ผมยาวเลยไหล่ ทรงดูคล้ายๆกับวิกที่ฉันใส่ตอนไลฟ์แชท


เธอเล่าให้ฟังว่าผู้ชายคนนั้นเดินตามเธอตั้งแต่ออกจากโรงเรียนสอนขับรถไปจนถึงสถานีรถไฟ ตื้อถามนู่นถามนี่ไปตลอดทาง

"เรียนที่มหาลัย OO รึเปล่า?"

"มีเด็กมหาลัยเดียวกันคนอื่นมาเรียนขับรถที่นี่มั้ย?"

"หรืออาจจะไม่ใช่ที่นี่ก็ได้ แต่คนที่ผมตามหาอยู่เขาเรียนขับรถอยู่น่ะ"

"ผมยาวประมาณเธอนี่แหละ"

"อายุ OO เพราะงั้นก็น่าจะอยู่ปี O"

ฉันมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นคือคุณ S แน่นอน และเขากำลังตามหาตัวฉันอยู่

"คือผมเห็นตรามหาลัยที่กระเป๋าเลยลองทักดูน่ะ

ไม่รู้ชื่อเขาหรอก แต่รู้ว่าทำงานพิศษที่ร้านอาหารครอบครัวละแวกนี้

ถ้าได้เห็นหน้าล่ะก็ ผมจำได้แน่"


ฉันเคยบอกคุณ S ไปว่า "เรียนอยู่มหาลัยสตรีแถวๆ ฮะจิโอชิ" "อายุจริงคือ OO ปี" "ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารครอบครัว"

ย่านฮะจิโอชิมีมหาลัยสตรีอยู่แค่ไม่กี่แห่ง

ถ้าดูอายุและสถานที่ทำงานพิเศษแล้วไล่หาไปเรื่อยๆ ยังไงซักวันก็คงสาวมาถึงตัวฉัน

ฉันบอกสาวผู้เคราะห์ร้ายไปว่าคนที่ผู้ชายคนนั้นตามหาอยู่อาจเป็นตัวฉันเอง

โดยปิดเรื่องที่ฉันทำไลฟ์แชทไว้ แล้วบอกแค่ว่ารู้จักกันทางแอพโซเชียลมีเดียแทน

และย้ำกับเธอว่าถ้าเจอผู้ชายคนนี้อีกให้รีบหนีทันที


หลังคุยจบ ฉันก็ไม่เข้าเรียนแต่นั่งแท็กซี่กลับห้อง

เก็บข้าวใส่กระเป๋า ล็อกประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อไปค้างที่ห้องของแฟน

แฟนฉันขับมอเตอร์ไซค์มารับถึงอพาร์ทเมนต์ เห็นแล้วอุ่นใจขึ้นเยอะ

พอไปถึงห้องแฟน ฉันก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เขานั่งฟังฉันเงียบๆ โชคดีที่เขาเข้าใจเรื่องไลฟ์แชทว่าไม่ใช่การคุยแนว 18+ เสมอไป จึงไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต

เขาขอร้องไม่ให้ฉันทำไลฟ์แชทอีก แน่นอนว่าฉันพยักหน้ารับปาก

ฉันพักที่ห้องแฟน ไปเรียน ไปทำงานพิเศษตามปกติ วันไหนกลับช้าแฟนก็จะมารับ

มีผู้ชายอยู่ด้วยก็เป็นที่พึ่งได้เยอะ แถมยังอุ่นใจดีด้วย


ผ่านไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ฉันก็มีเรื่องให้ต้องแวะกลับไปห้องตัวเอง

แฟนฉันตามไปด้วย แล้วก็ไปตอนกลางวัน เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่

ถึงจะแอบคิดอยู่ว่า "ถ้าเจออะไรแปลกๆ จะทำไงดี.." แต่สุดท้ายก็ไม่เจออะไรเป็นพิเศษ

ฉันเก็บพวกจดหมายที่ค้างอยู่ในตู้รับ แล้วกลับห้องแฟน

แล้วก็ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ ฉันก็ยังอยู่กับแฟน ไปเรียน ไปทำงานตามปกติ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ฉันคิดว่า "คุณ S คงเลิกตามหาฉันแลัวล่ะมั้ง~" และเริ่มลดความระวังตัวลง


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ประมาณตอนเที่ยงๆ ฉันกลับห้องตัวเองไปเก็บจดหมายต่างๆ อีกครั้ง

รอบนี้แฟนไม่ได้มาด้วย ฉันนั่งรถไฟมาคนเดียว แล้วเดินต่อมาจนถึงอพาร์ทเมนต์

ในตู้รับมีจดหมายของฉันอยู่หลายฉบับ ส่วนใหญ่เป็นพวกจดหมายโฆษณาจากร้านเสริมสวย

แต่มีอยู่ฉบับหนึ่งที่เป็นจดหมายไม่ระบุชื่อผู้ส่ง

เมื่อก่อนผู้ดูแลอพาร์ทเมนต์เคยส่งจดหมายให้ฉันโดยไม่ได้ใส่ชื่อคนส่ง ฉันเลยคิดว่าฉบับนี้ก็คงมาจากผู้ดูแลเหมือนกันจึงเก็บใส่กระเป๋ามาด้วยแล้วเดินขึ้นไปที่ห้อง

จังหวะที่กำลังจะเปิดประตูฉันสะดุ้งเฮือกเพราะได้ยินเสียงซอกๆ แซ่กๆ ดังมากจากในห้อง

ฟังแล้วไม่ใช่เสียงเบาๆ เหมือนเสียงแมลงบิน แต่ดูมีความโครมครามเหมือนตัวอะไรบางอย่างกำลังหนีอย่างรีบร้อน


ฉันเคยให้กุญแจสำรองไว้กับพ่อแม่และแฟนเท่านั้น

แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้บอกว่าจะมาหา แฟนก็อยู่ระหว่างทำงานพาร์ทไทม์

ฉันจึงค่อยๆ ย่องกลับไปที่บันไดอย่างเงียบเชียบที่สุด แล้วก็รีบเผ่นหนีไปทันที


ฉันรีบวิ่งสุดแรงเกิดไปที่ป้อมตำรวจหน้าสถานีรถไฟแล้วเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

ตอนนั้นมีคุณตำรวจอยู่ 2 คน ลุงตำรวจได้ฟังเรื่องแล้วก็รีบวิทยุเรียกกำลังเสริมทันที

ตำรวจให้ฉันรอที่ป้อม ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็มีรถตำรวจมารับฉันจากป้อมไปที่อพาร์ทเมนต์อีกครั้ง

ที่อพาร์ทเมนต์มีตำรวจอยู่หลายคน พอฉันลงจากรถ พวกเขาก็เล่าสถานการณ์ให้ฟัง

ไม่พบใครในห้อง แต่มีร่องรายการบุกรุกจากระเบียงเข้ามาทางหน้าต่าง

ตอนที่กำลังเสริมมาถึง คนร้ายก็หนีไปแล้ว เหลือแต่ห้องเปล่าๆ

แล้วตำรวจก็ให้ฉันเข้าไปเช็คในห้องว่ามีอะไรหายไปหรือไม่


กระเป๋าเงินและสมุดบัญชีฉันเก็บไว้ที่ห้องแฟน คนร้ายจึงไม่ได้เงินจากฉันไป

แต่คอมพิวเตอร์ในห้องฉันหายไป

ตู้เสื้อผ้าก็ถูกรื้อกระจุยกระจาย

เดรสวันพีชลายดอกที่ฉันใส่บ่อยๆ ตอนไลฟ์ถูกขโมยไป

คนร้ายคือ S แน่นอน

"เขาคงคิดว่าปลอดคนเลยบุกเข้ามา แต่ดันมาเจอจังหวะที่หนูกลับมาพอดีล่ะมั้ง"

คุณตำรวจว่าอย่างงั้น

S สืบจนรู้ที่อยู่ฉันแล้วแอบบุกเข้ามา ขโมยคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลส่วนตัวฉันอยู่มากมายไป แล้วก็เอาเสื้อผ้าไปด้วย

ฉันช็อคจนเข่าอ่อน ตำรวจจึงให้ฉันไปนั่งพักในรถ


ฉันกลับมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่ป้อมตำรวจอีกครั้ง

ตั้งแต่ที่โดนตอแยผ่านทางโลกออนไลน์ ไปจนถึงเรื่องที่นักศึกษามหาลัยเดียวกันโดนชายแปลกหน้าไล่ตาม

สมองฉันยังสับสน แต่ก็พยายามเรียบเรียงให้ตำรวจเข้าใจมากที่สุด

ตอนแรกตำรวจก็ดูไม่ค่อยเชื่อ แต่คงเห็นสภาพฉันที่ดูตื่นกลัวมากๆ จึงยอมเชื่อ

พ่อกับแม่มารับ ฉันตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านตัวเองก่อนพักหนึ่ง

ฉันไม่อยากให้แฟนพลอยติดร่างแหโดนรังควานไปด้วย จึงรีบเก็บข้าวของกลับบ้านเกิดทันที


ทุกคนที่บ้านดีกับฉันมาก

ที่บ้านฉันโลว์เทคชนิดที่ไม่รู้จักทั้งไลฟ์แชทและสื่อโซเชียล ฉันจึงบอกแค่ว่ามีคนแปลกหน้าบุกเข้ามาในห้องตอนที่ไม่อยู่


หลังจากจัดการสัมภาระที่เอากลับมาเรียบร้อย ก็เจอซองจดหมายแบบยาวสีน้ำตาลอยู่ในกระเป๋า

เป็นซองที่ฉันเก็บมาจากตู้ที่อพาร์ทเมนต์วันที่เจอ S แอบเข้าห้อง หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นหลายอย่างจนลืมไปซะสนิท

ในซองเป็นกระดาษ 4A มีข้อความที่พิมพ์ออกมาจากปริ๊นเตอร์ว่า

"ถึง OOจัง

คิดถึง OOจังมาก เลยมาหา ^^

แต่เหมือนจะไม่อยู่ห้องมาพักนึงแล้ว ก็เลยขอเข้ามาเองซะเลย

ไว้จะมาใหม่นะ ถ้าครั้งหน้าได้เจอกันก็ดีสิ ^^

จาก S

ป.ล. ขอยืมคอมหน่อยนะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเอามาคืนแน่"


หลังจากนั้น ฉันก็ย้ายออกจากอพาร์ทเมนต์นั้น งานพิเศษก็เลิกทำไป และทำเรื่องขอดรอปเรียนครึ่งปี (ต้องซ้ำชั้น แต่หลังจากนั้นฉันก็กลับไปเรียนต่อนะ)

ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจละแวกอพาร์ทเมนต์มากขึ้น แต่ก็ยังจับตัว S ไม่ได้

หลังจากผ่านเรื่องนั้นมา ฉันก็ไม่กล้าออกไปอยู่คนเดียวอีกเลย ขนาดอยู่เฝ้าบ้านก็ยังกลัว

ยิ่งเวลาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวก็ยิ่งกลัว

เวลาคุยโทรศัพท์ก็กลัวเสียงผู้ชาย ขนาดแชทกันทางเน็ตยังกลัว

ยังดีที่ฉันยังคบกับแฟนคนเดิมมาเรื่อยๆ จนเรียนจบและได้งานทำ


ขอโทษด้วยนะคะที่เรื่องค่อนข้างยาวแต่ไม่ค่อยน่ากลัว

แต่นี่ก็เป็นประสบการณ์ระทึกของฉันเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น