วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565

[งานแปล แก้ฟุ้งซ่าน] เรื่องสั้นแนวลึกลับจาก the-mystery.org Part 1

ต้นฉบับของงานแปลนี้นำมาจาก https://the-mystery.org 

ถ้าจะนำไปลงที่อื่น กรุณาบอกกันซักคำและให้เครดิตเว็บไซต์ต้นทางด้วย

งานนี้เป็นเรื่องสั้นหลายๆ เรื่องที่เราแปลสะสมไว้แล้วเอามาลงทีเดียว

เซ็ตต่อไปยังไม่มีกำหนดลง เพราะยังไม่ได้ทำต่อ

✱✱✱✱✱✱✱

เด็กใหม่ที่ตายไปแล้ว

(ที่มา : https://the-mystery.org/strange_experience/nakunatta_hazu_no_tenkousei/)


สมัยผมอยู่อนุบาล มีเด็กรุ่นเดียวกันคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุโดนรถชนเสียชีวิต


เวลาผ่านไปจนผมขึ้น ป.4 ผมได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้งในฐานะเด็กใหม่ที่ย้ายโรงเรียนมาอยู่ห้องเดียวกัน ผมตกใจมาก


ตอนนั้นในห้องผมมีเด็กอีก 4-5 คนที่มาจากโรงเรียนอนุบาลเดียวกัน ตอนกลางวันพวกเราจึงไปรวมตัวกันที่โรงยิม

"อะไรกัน เจ้านั่นมันโดนรถชนตายไปแล้วนี่?"

พวกเราหวาดกลัวและเริ่มโต้เถียงกันรุนแรง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไรออกมา

แน่นอนว่าจะไปถามเจ้าตัวว่า "นี่ นายน่ะ ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ" ก็ใช่ที่ เราจึงอยู่กันไปเรื่อยๆในฐานะเพื่อนร่วมชั้นธรรมดาๆคนหนึ่ง แม้ลึกๆแล้วพวกเราทุกคนจะรู้สึกหวาดหวั่นกันพอสมควรเลยก็ตาม


ผมเคยคุยกับเด็กใหม่คนนั้น เขาบอกว่าเขาอยู่โรงเรียนอนุบาลเดียวกับผม แถมยังจำผมได้ด้วย

เขาเล่าว่าตอนประถม เขาต้องย้ายบ้านเพราะเรื่องงานของพ่อ และคราวนี้เขาก็ย้ายกลับมาที่นี่ด้วยเรื่องงานของพ่อเช่นกัน

เขาไม่เคยประสบอุบัติเหตุ แน่นอนว่าไม่เคยตายด้วย

แต่ถึงกระนั้น เพื่อนสมัยอนุบาลบางคนก็ยังจำได้ว่าได้ไปร่วมงานศพของเขา 

สรุปแล้ว เขาตายไปแล้วหรือยังก็ยังเป็นปริศนาที่ทำให้รู้สึกขนลุกมาจนถึงทุกวันนี้


แต่เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเรื่องงาน ผมจึงได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่จบชั้นอนุบาล พวกเราคุยเรื่องความหลังกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเขาพูดขึ้นแบบไม่คิดอะไรว่า

"จะว่าไป ตอนอนุบาลมีเด็กที่โดนรถชนตายด้วยเนอะ"

แล้วก็พูดชื่อเด็กคนนั้นออกมา ตอนนั้น ผมรู้สึกหนาววูบจนแทบหมดสติเลยทีเดียว


ตัวผมไม่เชื่อเรื่องผีสางเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ว่ายังไงก็ยังหาคำตอบไม่ได้


✱✱✱✱✱✱✱

เพื่อนหาย

(ที่มา : https://the-mystery.org/strange_experience/kieta_yuujin/)


มีอยู่วันหนึ่ง ผมต้องนอนค้างที่ที่ทำงานกับรุ่นพี่อีกคน ระหว่างพักจากงาน รุ่นพี่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง

เป็นเรื่องที่ว่าเพื่อนของรุ่นพี่ "หายไป"

ตอนแรกๆ รุ่นพี่คิดก็คิดว่าเพื่อนคนนั้นคงงานยุ่ง แต่เหมือนจะไม่ใช่ ที่จริงรุ่นพี่เล่าให้ฟังค่อนข้างยาวและรายละเอียดเยอะ แต่ผมขอสรุปย่อๆ เท่าที่จำได้แล้วกัน


ตอนนั้นรุ่นพี่กำลังเรียน ปวส. อยู่

อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนสมัย ม. ปลาย คนนั้นก็โทรมาบอกว่า "ฉันจะทำงานพาร์ทไทม์นะ" แล้วก็บอกต่อว่า "งานนี้ดีนะ สนใจไปทำด้วยกันมั้ย?"

สรุปคือเขาอยากชวนรุ่นพี่ไปทำงานด้วยกันนั่นแหละ

แต่ช่วงนั้นรุ่นพี่ยังยุ่งๆ เรื่องเรียนอยู่จึงปฏิเสธไป แต่จากน้ำเสียงของเพื่อนคนนั้นที่ดูตื่นเต้นดีใจ รุ่นพี่เลยอยากรู้ว่าจะทำงานที่ไหน สุดท้ายก็ลงเอยว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วยตอนสอบสัมภาษณ์


วันสัมภาษณ์ รุ่นพี่กับเพื่อนนัดเจอกันก่อนแลัวก็ไปที่สถานที่ทำงาน

ทั้งสองคนเดินทางผ่านเมืองที่คุ้นเคย เข้าไปยังถนนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่รุ่นพี่ก็พอจำทางคร่าวๆได้

เมื่อเดินไปได้ประมาณ 20 นาที เพื่อนก็หยุดเดิน

"ร้านนั้นไง!"

เขาชี้ไปที่ป้ายร้านหนังสือมือสองธรรมดาๆ มีป้ายเรียบๆ ติดไว้หน้าร้าน

"มาสัมภาษณ์งานคร้าบ~" เพื่อนส่งเสียงเรียกแล้วก็เดินเข้าไปในร้าน ส่วนรุ่นพี่ก็รออยู่ด้านหน้า หยิบหนังสือเล่มนู้นเล่มนี้มาดูฆ่าเวลาไปพลางๆ

รุ่นพี่เหลือบไปเห็นป้ายที่เขียนว่า "รับสมัครพนักงานประจำ/พนักงานพาร์ทไทม์" แปะไว้ที่ประตูกระจก

รุ่นพี่แอบคิดอยู่ว่า "ร้านแบบนี้ยังอุตส่าห์ประกาศรับพนักงานเป็นเรื่องเป็นราวอีกเนอะ" แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรต่อ


ขากลับ รุ่นพี่ก็เดินคุยกับเพื่อนเรื่องงานที่ร้านไปจนถึงเส้นทางกลับบ้านตามปกติ


ผ่านไปหลายวันจนถึงวันหยุดรอบต่อมา เพื่อนคนนั้นก็โทรมาบอกว่า "ได้งานแล้ว เริ่มงานวันนี้เลย! ซื้อของขวัญฉลองให้หน่อยดิ 555+"

วันนั้นรุ่นพี่ว่างอยู่พอดี จึงคว้ากระเป๋าเงินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังร้านหนังสือมือสองตามทางที่เคยไปเมื่อวันก่อน

แต่เมื่อไปถึง ตรงที่เคยเป็นร้านหนังสือกลับกลายเป็นบ้านคนธรรมดาๆ แทน


รุ่นพี่คิดว่าตัวเองมาผิดทาง จึงเดินย้อนกลับมาพลางมองหาร้านไปด้วย แต่ก็ไม่เจอ

รุ่นพี่จึงตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านที่ (น่าจะ) เป็นร้านหนังสือเมือวันก่อน แล้วถามว่าแถวนี้มีร้านหนังสือมั้ย

"ร้านหนังสือแถวนี้ก็มีอยู่แค่ที่หน้าสถานีเท่านั้นแหละ"

คนในบ้านตอบมาแบบนั้น รุ่นพี่ก็ได้แต่มึนงงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

รุ่นพี่ลองโทรหาเพื่อนคนนั้นดู เขาก็ยังรับโทรศัพท์และคุยกันได้ตามปกติ ปีใหม่ก็ส่ง ส.ค.ส. มาให้ แต่กลับไม่เคยเจอหน้ากันเลยแม้แต่หนเดียว

แต่หลังจากนั้นรุ่นพี่กับเพื่อนก็ค่อยๆ ห่างกันไป จนในที่สุดก็ไม่สามารถโทรติดต่อกันได้


ผ่านไปอีกนานพอสมควร รุ่นพี่ก็ได้รับเชิญให้ไปงานเลี้ยงรุ่นสมัย ม. ปลาย

ด้วยความอยากรำลึกความหลัง และคิดว่าอาจจะได้เจอเพื่อนคนนั้นที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมานาน รุ่นพี่จึงตอบตกลงไป


เมื่อรุ่นพี่ไปถึงที่งาน ก็เจอเพื่อนเก่าๆ คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคน แต่ไม่เห็นเพื่อนคนนั้นเลย เขาจึงไปถามเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่เป็นแม่งานว่า

"OO (ชื่อเพื่อนของรุ่นพี่) ไม่มาเหรอ?"

"หืม? อะไรของนายเนี่ย? ก็นั่งดื่มอยู่นั่นไง"

แล้วก็ชี้ไปที่คนคนหนึ่งที่ไม่ใช่เพื่อนคนที่รุ่นพี่ถามหา


✱✱✱✱✱✱✱

เหมือนเดิม

(ที่มา : https://the-mystery.org/scary_story/itsumo/)


สมัย ม. ปลาย ผมเป็บพวกท้องไส้ไม่ค่อยดี เวลาไปโรงเรียนก็ต้องออกจากบ้านเร็วหน่อยแล้วก็แวะไปทำธุระที่ห้องน้ำสาธารณะสกปรกๆ แห่งหนึ่งอยู่เรื่อย

ห้องน้ำนั้นอยู่ในดงต้นไม้ที่อยู่ห่างจากเส้นทางระหว่างสถานีรถไฟกับโรงเรียนเล็กน้อย


และทุกครั้งที่ผมแวะที่นั่น ห้องน้ำห้องแรกสุดจะถูกปิดประตูไว้เสมอ

ดูจากวี่แววแล้ว มี "คน" อยู่ในห้องนั้นแน่นอน เพราะบางครั้งก็ได้ยินเสียงไอเสียงจาม บางทีก็มีเสียงพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ดังออกมา

แต่ผมก็ไม่มีเวลาพอที่จะสนใจ แค่รวบรวมสมาธิเบ่งให้เสร็จก่อนจะไปโรงเรียนสายก็เต็มที่แล้ว


ตอนนั้นผมไม่เฉลียวใจเลยว่าทำไมถึงมีคนนั่งทำธุระอยู่ที่ห้องเดิมตลอดเวลาที่ผมไป

ผมคิดแค่ว่า "เออ มันก็คงมีคนแบบนี้อยู่บ้างแหละ" เท่านั้นเอง


เช้าออกจากบ้าน พอขึ้นรถไฟก็เริ่มปวดท้อง แวะไปปล่อยที่ห้องน้ำสาธารณะ แล้วก็ไปโรงเรียน

ยามเช้าผมเป็นวงจรแบบนี้มาปีกว่าๆ จนถึงเช้าวันหนึ่งตอนผมอยู่ ม. 5 ผมก็ปวดท้อง เลยแวะไปห้องน้ำนั่นเหมือนเดิม

เดินผ่านหน้าห้องที่มีคนเข้าอยู่ไปห้องด้านใน จนผมทำธุระเสร็จ ก็มีเสียงทักมาจากห้องน้ำห้องนั้น

"ขับถ่ายดีเหมือนเดิมตลอดเลย ดีจังนะ..."

เสียงยังหนุ่มอยู่ แต่ก็ไม่น่าใช่เด็กมหาลัยแล้ว

คนที่มาเข้าห้องน้ำทำธุระเวลาเดียวกับผมมาเป็นปี วันนี้เพิ่งได้ยินเสียงเขาเป็นครั้งแรก

แต่ที่พูดว่า "เหมือนเดิม" นี่คืออะไร

ผมได้แต่ตอบส่งๆ ไปว่า "อ่อ... อืม นั่นสินะครับ"


แต่สิ่งที่คนๆ นั้นพูดต่อ เล่นเอาผมผวา

"ฉันน่ะ เป็นพวกถ่ายยากมาตลอดเลย จริงๆ นา

ป่านนี้ก็ยังไม่ออกเลยเนี่ย ฉันออกจากที่นี่ไม่ได้เล้ย...

ให้ตายเถอะ เพราะท้องไม่ดี เลยออกไม่ได้ซ้ากกะที"


จริงๆ ผมอยากล้างมือก่อนนะ แต่ทนความกลัวมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ ผมสาวเท้าออกจากที่นั้นอย่างรวดเร็ว รู้สึกเลยว่าหัวใจเต้นตุ้บๆ

ไม่กล้ากลับไปมองเลยแม้แต่นิดเดียว


คำว่า "เหมือนเดิม"

ทั้งๆ ที่ไม่ได้ออกจากห้อง แล้วทำไมถึงรู้ว่าเป็นผมเข้ามาปล่อยหนัก "เหมือนเดิม"

แล้วที่พูดว่า "ฉันออกจากที่นี่ไม่ได้เลย"

หมายถึงเขาอยู่ในห้องน้ำห้องนั้นมาเป็นปีแล้วเหรอ...?

ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะปวดหนักแค่ไหนผมก็จะทนอั้นไปให้ถึงโรงเรียน หรือไม่ก็จัดการให้เรียบร้อยตั้งแต่ที่บ้านโดยทำใจไว้แล้วว่าอาจจะไปสาย


เขาคนนั้นเป็นมนุษย์หรือเปล่าผมไม่รู้ แต่สำหรับผมไม่มีเรื่องอะไรน่ากลัวไปกว่านี้แล้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น